Main Menu

Recent posts

#1

กองกลางของพรีเมียร์ลีก ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งคน และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ดีแคลน ไรซ์ เป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษ ที่ตอนนี้กำลังเล่นให้กับขุนค้อน เวสท์แฮม และยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย เราลองมาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นกันดีกว่า

ชื่อเต็ม ดีแคลน ไรซ์
วันเกิด 14 มกราคม 1999 (24 ปี)
สถานที่เกิด คิงส์ตันอัพพอนเทมส์, สหราชอาณาจักร
ส่วนสูง 185 เซนติเมตร
ตำแหน่ง กองกลางตัวรับ

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ ดีแคลน ไรซ์

ไรซ์ เริ่มรู้จักฟุตบอล และให้ความสนใจกับกีฬาฟุตบอลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จัก เมื่อนั้นอายุของเขาเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้น ไรซ์ ก็ได้เข้าร่วมกับ อะคาเดมี่ ของสโมสรเชลซี เขาได้ซ้อมอย่างหนัก และเอาจริงเอาจังมาก ในกีฬาฟุตบอล หลังจากนั้นเขาได้ย้ายอะคาเดมี่ จากแต่เดิมอยู่กับ เชลซี เขาได้ย้ายไปซบกับ

อะคาเดมี่ของ เวสท์แฮม ยูไนเต็ด และที่นี่เอง ที่ทำให้เจ้าตัวพัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ก็เริ่มจากที่นี่เช่นกัน
หลังจากที่เขาได้อยู่กับอะคาเดมี่ ตัวของ ไรซ์ ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า เขามีความตั้งใจ และมีความสามารถเพียงพอ ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทำให้สโมสร ไม่ลังเลที่จะต่อสัญญากับ ไรซ์ เพราะมองเห็นว่าหนุ่มคนนี้ จะเป็นคนที่เข้ามาช่วยทีมขุนค้อนในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ไรซ์ ถูกจับให้เซ็นต์สัญญาการเป็นนักเตะ ด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น และถูกส่งให้ไปเล่นกับชุดเยาวชนของ เวสท์แฮม หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าตัวก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในระดับอายุไม่เกิน 23 ปี โดยเริ่มเล่นครั้งแรกเมื่อปี 2017 จากการเป็นตัวสำรอง ซึ่งเกมนั้นก็เป็นทางด้าน เวสท์แฮม ที่สามารถเก็บชัยได้ ทำให้อนาคตของ ไรซ์ เริ่มสดใสมากขึ้น

หลังจากนั้น ไรซ์ ก็ได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ โดยนัดแรกพบกับ เซาแธมตัน และเริ่มยิงประตูแรกให้กับทีม เมื่อเจอกับ อาร์เซนอล หลังจากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสให้ลงเป็นตัวจริงตลอดมา และก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ทีมจำเป็นต้องมีเขา เป็นนักเตะที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน และเป็นส่วนสำคัญที่พาทีม เวสแฮม ได้มีโอกาสได้เล่นเกม ยูโรป้า คอนเฟอเรนส์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

รางวัลส่วนตัว

•   West Ham United Young Player of the Year: 2016–17, 2017–18, 2018–19
•   West Ham United Player of the Year: 2019–20, 2021–22, 2022–23
•   FAI Young International Player of the Year: 2018
•   UEFA Europa League Team of the Season: 2021–22
•   UEFA Europa Conference League Player of the Season: 2022–23
#2

วิลเลียม ซาลิบา กองหลังทีมชาติฝรั่งเศสของ อาร์เซน่อล
ทีมชาติ : ฝรั่งเศส 8 นัด – 0 ประตู (2022-?)
สโมสรปัจจุบัน : อาร์เซน่อล 36 นัด – 3 ประตู (2019-?)

วิลเลี่ยม ซาลิบา (William Saliba) เกิดวันที่ 24 มีนาคม 2001 ที่ประเทศฝรั่งเศส เริ่มต้นเล่นฟุตบอล ระดับเยาวชนกับ อคาเดมี่ของ AS Bondy ช่วงปี 2008-2014 จากนั้นย้ายไปอคาเดมี่ของ FC Montfermeil ช่วงปี 2014-2016 แล้วมาอยู่กับ แซงต์ เอเตียน ก่อนจะได้สัญญาอาชีพในปี 2018

ฤดูกาล 2018/19 ได้ลงเล่นให้ แซงต์ เอเตียน 19 นัดรวมทุกรายการ หลังจบฤดูกาลถูก อาร์เซน่อล ดึงตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ พร้อมปล่อยให้ แซงต์ เอเตียน ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2019/20 ได้ลงเล่น 17 นัดรวมทุกรายการ

ฤดูกาล 2020/21 วิลเลี่ยม ซาลิบา ถูกส่งให้ นีซ ยืมตัวไปใช้งาน ได้ลงเล่น 22 นัดรวมทุกรายการ แล้วถูกปล่อยยืมต่อเนื่องในฤดูกาล 2021/22 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ ซาลิบาทำผลงานได้ดีที่สุด โดยเป็นตัวหลักของ มาร์กเซย์ ลงเล่นมากถึง 52 นัดรวมทุกรายการ แล้วระหว่างฤดูกาล ซาลิบาถูกเรียกไปติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่อีกด้วย โดยได้ลงสนามถึง 8 นัด ภายในปี 2022 ปีเดียว

ฤดูกาล 2022/23 วิลเลียม ซาลิบา กลายเป็นแกนหลักของ อาร์เซน่อล ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ยืนเซนเตอร์ร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส ขนาบข้างฝั่งซ้ายด้วย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ส่วนฝั่งขวาเป็น เบน ไวท์ ในช่วง 27 นัด ซาลิบาเป็นตัวจริงทุกนัด มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก โชคร้ายที่หลังจากนั้น เขาได้รับบาดเจ็บ พลาดการลงสนามใน 11 เกมที่เหลือ ปืนใหญ่โดนเรือใบ แซงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 คะแนน
ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) วิลเลียม ซาลิบา ยังอยู่กับ อาร์เซน่อล ลงเล่น 3 นัดรวมทุกรายการ จ่าย 1 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก นัดแรก ที่เอาชนะ ฟอเรสต์ 2-1

ในส่วนของการรับใช้ชาติ วิลเลียม ซาลิบา เปิดตัวกับ ทีมชาติฝรั่งเศส วันที่ 25 มีนาคม 2022 ในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ ไอวอรีโคสต์ 2-1 โดยลงเป็นสำรองไปแทนที่ ราฟาเอล วาราน ในนาที 58 แล้วได้ยืนเซนเตอร์ร่วมกับ เธโอ เอร์กน็องเดซ และ ฌูลส์ คูนเด้ แล้วอีก 4 วันให้หลัง ซาลิบาได้ลงเป็นตัวจริง ในเกมอุ่นเครื่องที่ทีมชนะ แอฟริกาใต้ 5-0 โดยยืนเป็นสามเซนเตอร์ร่วมกับ ราฟาเอล วาราน และ เพรสเนล คิมเพมเบ้

หลังจากนั้น วิลเลียม ซาลิบา ยังได้ลงสนามให้ทัพเลอเบลอส์อย่างต่อเนื่อง นั่นรวมไปถึงการติดทีมไปเล่น ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ แต่ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ซาลิบาได้ลงเล่นแค่นัดเดียว ในเกมนัดที่ 3 ของรอบแบ่งกลุ่ม ที่ทีมแพ้ ตูนิเซีย 0-1 โดยลงไปแทน ราฟาเอล วาราน ในนาที 63
#3

ถ้าจะพูดลีกฟุตบอลที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลก มีแฟนบอลติดตามอยู่ทั่วทุกมุมโลกมากที่สุด ย่อมต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าคือ พรีเมียร์ลีก แห่งประเทศอังกฤษ เพราะที่นี่มีการแข่งขันที่สูงมาก ทีมใหญ่ไม่ได้ผูกขาดแม้ว่าจะเจอทีมที่เล็กกว่า ซึ่งพร้อมจะแพ้ได้ตลอดเวลา แล้วลีกนี้ยังเต็มไปด้วยทีมชื่อดังมากมาย อาทิ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล แค่เพียง 2 ทีมนี้ก็มีแฟนบอลทั่วโลกเยอะจนนับไม่ถ้วนแล้ว นอกจากนั้นยังมี อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอีกมากมาย จึงนับได้ว่านี่คือสุดยอดลีกที่หากเป็นแฟนฟุตบอลย่อมไม่พลาดติดตาม

สำหรับที่มาของ พรีเมียร์ลีก ไม่ได้ถูกตั้งชื่อนี้ตั้งแต่ต้น โดยเปลี่ยนมาจากชื่อเดิมคือ ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ก่อนที่จะใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในฤดูกาล 1992-1993 ที่พอเปลี่ยนมาเป็นชื่อใหม่ ความนิยมได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับเรื่อยมาต่อจากนั้น ทั้งความสำเร็จของแต่ละทีม การลงทุนของกลุ่มลงทุนทั่วโลก การหลั่งไหลเข้ามาของนักฟุตบอลระดับโลกมากมาย ค่อยๆเปลี่ยนให้ พรีเมียร์ลีก การเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่เข้มข้นที่สนุกที่สุดจนถึงปัจจุบัน

ทำเนียบทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้มากที่สุดตลอดกาล

นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศเป็น พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 1992-1993 ทีมที่ประเดิมคว้าแชมป์ได้เป็นทีมแรกก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือที่เรียกสั้นๆกันว่า แมนยู นับรวมแล้วจนถึงฤดูกาลปัจจุบัน 2022-2023 ทีมที่คว้าแชมป์ได้ล่าสุดก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และหากนับรวมทั้งหมด ทีมที่คว้าแชมป์ได้มากที่สุดมีดังนี้

- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 13 สมัย
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 สมัย
- เชลซี 5 สมัย
- อาร์เซน่อล 3 สมัย
- แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เลสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ทีมละ 1 สมัย


แล้วหากนับรวมทั้งหมดตั้งแต่ชื่อเดิม ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ทีมไหนที่คว้าแชมป์รวมได้มากที่สุดของประเทศอังกฤษ อันดับ 1 ก็ยังคงเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนเดิม ที่คว้าแชมป์รวมกันได้มากที่สุด 20 สมัย ตามมาด้วยอันดับ 2 คู่ปรับตลอดกาล ลิเวอร์พูล ที่ห่างกันแค่สมัยเดียว ทำได้ 19 สมัย และที่ 3 ได้แก่ อาร์เซน่อล 13 สมัย ด้วยกัน

TOP 10 ทีมที่คว้าแชมป์ลีกมาครองได้มากที่สุดตลอดกาล

1.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 20 สมัย
2.ลิเวอร์พูล 19 สมัย
3.อาร์เซน่อล 13 สมัย
4.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 9 สมัย
5.เอฟเวอร์ตัน 9 สมัย
6.แอสตัน วิลล่า 7 สมัย
7.เชลซี 6 สมัย
8.ซันเดอร์แลนด์ 6 สมัย
9.เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ 4 สมัย
10.นิวคาสเซิ่ล 4 สมัย


ปัจจุบันพรีเมียร์ฤดูกาลใหม่ 2023-2024 ได้ฤกษ์เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ท้ายสุดทีมไหนจะครองความยิ่งใหญ่ในฤดูกาลนี้ไปครอง ต้องจับตาดูไปพร้อมๆกัน
#4

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีวัดอยู่แห่งหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในประเทศไทย นั่นก็คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ทั้งตั้งอยู่ที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยตัววัดซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นมาได้ในสถานที่แห่งนี้ แต่วัดนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆแล้ว และในปี 2023 ตัววัดก็ได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมในหลายๆด้าน ทั้งตัวของวัดเองที่ได้สร้างเรื่อยมา รวมถึงเส้นทางการเดินทางเข้าไปที่สะดวกง่ายดายกว่าที่ผ่านมาเยอะทีเดียว หากใครชื่นชอบการไปท่องเที่ยวยังวัด อย่าพลาดเด็ดขาดกับที่นี่

ความสุดยอดของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วมีอยู่เยอะมากๆ เริ่มที่บริเวณของตัววัดที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยเขาสีเขียวรายล้อมทุกทิศทาง ซึ่งวัดได้ตั้งอยู่ตรงกลางอย่างสง่าโดดเด่นและสวยงามด้วยประติมากรรมที่น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นลวดลายต่างๆ กระเบื้องในการตกแต่ง มีพระที่น่านับถืออยู่มากมาย รวมถึงหลักธรรมคำสอนต่างๆ หลอมรวมกันให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดยอดนิยมมากๆในปัจจุบัน ที่ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะจนนับไม่ถ้วนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆที่จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่เยอะมากๆ

จุดเด่นของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

เจดีย์พระธาตุผาแก้ว
นี่คือไฮไลท์สำคัญของวัดแห่งนี้ คืองานประติมากรรมที่สวยสดงดงามเกินบรรยาย ทั้งมีความสูงที่ที่ทำเอาขาสั่นได้ง่ายๆหากเดินขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วหากเดินขึ้นไปจนถึงยอดสุดของเจดีย์แล้ว จะมองเห็นวิวที่อลังการที่อยู่รอบๆของวัดได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว หากได้มาแนะนำว่าต้องขึ้นมาถึงยอดให้ได้

พระพุทธเจ้า 5 พระองค์
นี่คือองค์พระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่มากๆ โดยมี 5 พระองค์เรียงติดกัน ด้วยความใหญ่โตมโหฬาร ทำให้สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ ส่วนเรื่องความสวยงามไม่ต้องพูดถึง เพราะทำออกมาได้เยี่ยมยอดอย่างไร้ที่ติ แล้วหากมาในช่วงที่มีหมอกลงจางๆล่ะก็ จะต้องอึ้งกับความงดงามของสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

อากาศดีตลอดทั้งปี
เขาค้อ คือสถานที่ที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเป็นที่ที่อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ทำให้การมาท่องเที่ยวยังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วน่าประทับใจเข้าไปอีก ทั้งความสวยงามของวัดที่สวยได้ขนาดนี้ในกลางหุบเขาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ทั้งอากาศที่เย็นสบายๆมาพร้อมกับหมอกจางๆกับลมหนาวที่เข้ามาปะทะตัวเรา

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว คือวัดมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย หากยังไม่เคยมาด้วยตัวเอง แนะนำว่าไม่ควรพลาด เพราะสถานที่แห่งนี้ดีเกินคำบรรยายแน่นอน
#5

เมื่อเอ่ยชื่อถึง "น้ำตกนางรอง" ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี เป็นน้ำตกที่ได้รับความนิยมใน จ.นครนายก เป็นที่เที่ยวอันดับต้นๆ ที่คนกรุงเทพเลือกมาเที่ยว เพราะว่าระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ เดินทางสะดวกสบายมาก เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ดีเลย คนที่ชื่นชอบธรรมชาติ อยากจะหาที่พักใจ เติมไฟให้กับชีวิต มาที่น้ำตกนางรอง ไม่มีคำว่าผิดหวังกลับไป คนที่ทำงานอยู่กรุงเทพ หรือจังหวัดใกล้เคียง อยากจะหาสถานที่พักผ่อนแบบธรรมชาติ ถ่ายรูปสวย และลงเล่นน้ำได้ ที่น้ำตกนางรอง มีครบทุกอย่าง

"น้ำตกนางรอง" เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีความร่มรื่น เย็นฉ่ำตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ที่น้ำตกแห่งนี้ก็ไม่เคยแห้ง จึงสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี น้ำตกที่นี่จะมีชั้นหินที่ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ ทำให้ดูแล้วสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายรูปชมวิวที่สุดเลยแหละ ท่านสามารถเดินเข้ามาและจับจองสถานที่นั่งพักผ่อนได้เลย มีทั้งที่เป็นม้านั่ง หรือท่านใดที่จะปูเสื่อนั่งริมน้ำตกก็ได้เหมือนกัน ส่วนใครที่อยากจะลงแช่น้ำเย็นๆ ก็เล่นได้สบาย ระดับน้ำกับลังพอดี ลงเล่นได้สบายเลย

ส่วนเรื่องอาหารการกิน หรือว่าที่พัก ก็มีให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างจุใจ อาหารถือว่าอร่อยเลยแหละ ยิ่งได้นั่งกินริมน้ำตก ก็ยิ่งจะเพิ่มความฟินขึ้นไปอีก มีทั้งของฝาก เสื้อผ้า และของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ ส่วนเรื่องของลานจอดรถ ก็มีให้บริการตรงส่วนหน้าที่เป็นทางเข้า ซึ่งมีที่จอดที่เพียงพอ กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวที่นี่ นักท่องเที่ยวที่มาจากกรุงเทพ สามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้เลย

กิจกรรมที่น่าสนใจ 
ที่น้ำตกนางรอง เหมาะกับการนั่งพักชมวิว,เล่นน้ำ,นั่งทานอาหาร,เดินชมวิวถ่ายรูป

การเดินทาง
สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวได้ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถตู้โดยสารสาธารณะ หากเดินทางมาจากกรุงเทพ หรือจากห้างฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 3049 ถนนเส้น รังสิต-นครนายก ระยะทางทั้งหมดประมาณ 70-80 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองนครนายก จากนั้นก็จะผ่านวัดหลวงพ่อปากแดง แล้วก็เลี้ยวขวา ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกนางรอง

ค่าบริการในการเข้าชม
• รถตู้พร้อมคนขับ 100 บาท ผู้โดยสาร คนละ 10 บาท/คน
• รถยนต์ ค่าบริการ 50
• รถจักรยานยนต์ 10 บาท
• ผู้ใหญ่ 10 บาท
• เด็กส่วนสูงน้อยกว่า 120 ซ.ม. ฟรี

แนะนำที่เที่ยวเพิ่มเติม

สำหรับท่านที่ต้องการเที่ยวเพิ่มเติม ในระแวกใกล้เคียง มีที่เที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ น้ำตกสาลิกา น้ำตกวังตะไคร้ เขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งห่างเกินเพียงแค่ 3-5 กิโลเมตรเท่านั้น เรียกว่ามาที่เดียว ไปต่อได้อีกหลายที่สบายๆ เลย

สถานที่ตั้งของน้ำตกนางรอง
อยู่ที่ ตำบล หินตั้ง อำเภอ เมืองนครนายก จังหวัด นครนายก 26000 เบอร์โทรศัพท์ 0-3731-2282, 0-3731-2284
#6
เอาเรื่องอยู่  ;)
#7

ผสมผสานสไตล์และเส้นสายอันสวยสวยงามลงตัวของ Z1 จนออกมาเป็น Naked Bike สวยงามคลาสสิคอีกรุ่นอย่าง Kawasaki Z900RS ที่มีรูปลักษณ์คลาสสิคอย่างแท้จริง รวมไปถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมบนทุกเส้นทางผ่านการออกเเบบใหม่มาเป็นอย่างดี

Kawasaki Z900RS นั้นมีขนาดมิติตัวรถที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี ด้วยความกว้างอยู่ที่ 865 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,100 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,150 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,470 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 800 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 17 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 215 กิโลกรัม ถือว่าเป็นโมเดลของยุค 70 อีกรุ่นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย

Kawasaki Z900RS นั้นมาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เเรงด้วยขุมพลังสี่สูบเรียงปริมาตรกระบอกสูบ 948 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke In-Line Four  มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 73.4 x 56.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 สปีด, ย้อนกลับ โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบดิจิตอล ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø36 mm x 4 with sub-throttles โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า ถือว่าเป็นรถอีกรุ่นที่มีสมรรถนะเเรงสะใจเหล่านักบิดเลย

Kawasaki Z900RS นั้นมีเฟรมเเบบถัก TRELLIS ทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถมีความเบา ทำให้ได้รูปลักษณ์และคาแรคเตอร์แบบรถเรโทรสปอร์ต ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ ø41 mm inverted fork with compression and rebound damping and spring preload adjustability  ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ Horizontal Back-link, gas-charged shock with rebound damping and spring preload adjustability  ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating ø300 mm discs caliper Dual radial-mount, monobloc, opposed 4-piston ส่วนระบบเบรกด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø250 mm petal discs caliper Single-piston โดยที่ยางหน้ามีขนาด 120/70ZR17 M/C (58W) ส่วนยางหลังมีขนาด 180/55ZR17 M/C (73W) หน้าจอเเสดงผลเป็นเรือนไมล์อนาล็อกคู่พร้อมจอ LCD มัลติฟังก์ชั่น ด้วยจอ LCD แบบ Negative ที่อ่านง่าย เพราะตัวอักษรสีขาวพื้นหลังสีดำ โคมไฟหน้าแบบ LED ดวงใหญ่ 1 ดวงพร้อมกับไฟท้าย LED ทรงวงรีใหม่ ให้ความรู้สึกย้อนยุคสุดๆ เเละโดดเด่นด้วยท่อไอเสียเเบบท่อเฮดเดอร์ทรง Double-walled ที่ช่วยให้รูปลักษณ์ของท่อไอเสียดูทรงพลัง โดยมีสีให้เลือก 3 สีทั้งสี METALLIC DARK GREEN (2020), สี CANDYTONE BROWN / CANDYTONE ORANGE (2018-2019) เเละสี METALLIC MATTE COVERT GREEN / FLAT EBONY (2018)

ราคาขายของ Kawasaki Z900RS นั้นอยู่ที่เรท 499,000 บาทสำหรับรุ่นที่มีสี METALLIC DARK GREEN (2020) เเละสี CANDYTONE BROWN / CANDYTONE ORANGE (2018-2019) ส่วนรุ่นที่มีสี METALLIC MATTE COVERT GREEN / FLAT EBONY (2018) จะมีราคาขายที่ 485,000 บาท
#8

Kawasaki Versys 650 ABS นั้นนับว่าเป็นรถจักรยานยนต์ขนาด 650 ซีซี ของคาวาซากิอีกรุ่นที่ตอบสนองการขับขี่ในเเบบทัวร์ริ่งได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการออกเเบบตัวรถที่ออกมาได้สะดวกสบายเหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกล หรือในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ก็เเรงสุดกำลัง ตอบสอนองเร็ว เพิ่มความคล่องตัว ขับขี่สนุกไม่ว่าจะในสภาพถนนแบบทั่วไปหรือเดินทางไกล โดยรูปลักษณ์ใหม่ที่ถูกปรับปรุงให้ดูมีสีสัน พร้อมกับแฝงความเท่แบบสปอร์ตไว้อย่างครบถ้วน และอุปกรณ์เสริมที่ถูกปรับใหม่ให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย

Kawasaki Versys 650 ABS นั้นมีมิติตัวรถที่น่าสนใจเช่นกัน โดยมันมีขนาดความกว้างอยู่ที่ 840 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,165 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,400 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,415 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 170 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 840 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 21 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 217 กิโลกรัม

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Kawasaki Versys 650 ABS ก็พกพาขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 649 ซีซี โดยเครื่องยนต์เป็นเเบบ Liquid-cooled, 4-stroke, Parallel Twin มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 8 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 83.0 x 60.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6-speed, return  โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø38 mm x 2  โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า

ส่วนเฟรมของ Kawasaki Versys 650 ABS ก็ได้รับการออกเเบบมาใหม่ให้มีความเเข็งเเรงเเละมีน้ำหนักที่เบาลง ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็น ø41 mm inverted telescopic fork with adjustable rebound damping (right-side) and adjustable preload (left-side) ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Offset laydown single-shock with remote spring preload adjustability ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating ø300 mm petal discs. Caliper: Dual 2-piston  ระบบเบรกด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø250 mm petal disc. Caliper: Single-piston  โดยที่ยางหน้ามีขนาด 120/70ZR17M/C (58W) ส่วนยางหลังมีขนาด 160/60ZR17M/C (69W) ส่วนเรือนไมล์นั้นเป็นระดับไฮคลาส รุ่นใหม่สุดไฮเทค พร้อมมาตรวัดรอบ อนาล็อคจับคู่กับจอสี TFT LCD ตัวรูปทรงรถจึงถูกออกแบบให้มีความพรียวบาง เบาะนั่งถูกปรับให้อยู่ตำแหน่งท่านั่งตรง พร้อมด้วยแฮนด์บังคับรถที่กว้างมากขึ้น ช่วยให้ผู้ขี่นั่งสบายและควบคุมรถได้ดีขึ้น โคมไฟหน้าขนาดใหญ่เเบบ LED พร้อมไฟท้ายที่สว่าง เเละระบบไฟซึ่งติดตั้งอยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่งของแฟริ่งสามารถปรับลำดับการส่องสว่างให้เหมาะสมต่อการเข้าโค้งในเวลากลางคืน โดยตัวบอดี้มีสีมาให้เลือก 4 สีด้วยกัน ทั้งสี CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2021), สี METALLIC MOONDUST GREY / METALLIC SPARK BLACK (2021), สี METALLIC MATTE COVERT KHAKI / METALLIC SPARK BLACK (2020) เเละสี METALLIC MOONDUST GREY / METALLIC FLAT SPARK BLACK (SE) (2020)

ส่วนทางด้านของราคานั้น Kawasaki Versys 650 ABS เคาะราคาขายออกมาที่ 329,500 บาท สำหรับรถรุ่นที่มีสี CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2021), สี METALLIC MOONDUST GREY / METALLIC SPARK BLACK (2021) เเละสี METALLIC MATTE COVERT KHAKI / METALLIC SPARK BLACK (2020) ส่วนรถรุ่นที่มีสี METALLIC MOONDUST GREY / METALLIC FLAT SPARK BLACK (SE) (2020) จะขายที่ราคา 331,600 บาท
#9

Kawasaki KLX230SM (2023) นั้นนับว่าเป็นรถเเนวดูอัลเพอร์โพส ของตระกูล KLX ที่ทรงพลังเเละน่าขับขี่เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเหมาะกับการการสเต็ปอัพไปยังเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะทั้งรูปทรงเเละสมรรถนะเเล้วต้องถือว่ารถรุ่นนี้มีความเเข็งเเกร่งน่าสนใจเเละ พร้อมที่จะบุกตะลุยไปทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในเมืองหรือทางวิบากในป่าเขา

Kawasaki KLX230SM (2023) นั้นมาพร้อมกับมิติตัวรถที่น่าสนใจ ด้วยขนาดความกว้างอยู่ที่ 940 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,050 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,145 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,375 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 230 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 845 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 7.5 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 137-138 กิโลกรัม เเล้วเเต่รุ่นย่อย

ในส่วนของสมรรถนะนั้น Kawasaki KLX230SM (2023) มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ที่มีขนาด 233 ซีซี ที่เป็นเครื่องยนต์เเบบ Air-cooled, 4-stroke Single มีระบบวาล์วเเบบ SOHC, 2 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 67.0 x 66.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 9.4 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา มีระบบหล่อลื่น เเบบ Forced lubrication, wet sump ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเเบบ 6 สปีด, ย้อนกลับ มีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็น Fuel injection (ø32 x 1) โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า

ส่วนเฟรมของ Kawasaki KLX230SM (2023)  นั้นได้รับการออกเเบบมาใหม่ให้มีความเเข็งเเรงเเละน้ำหนักเบา โดยมีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช๊คหัวกลับขนาด ø37 มิลลิเมตร เสริมภาพความเป็นสปอร์ตให้ชัดเจนยิ่งขึ้นส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช๊คหลังเดี่ยวอัดแก๊สไนโตรเจนที่ปรับตั้งพรีโหลดได้ให้ผู้ขับขี่ได้เซ็ตรถให้เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวเองหรือรวมถึงผู้โดยสารได้ ส่วนระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ จานดิสก์เบรคหน้าแบบ Semi-floating ขนาด ø300 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 2 สูบที่ให้พละกำลังการเบรคพร้อมๆกับความเป็นซุปเปอร์โมโตในส่วนของระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ ดิสก์เบรคหลังขนาด ø200 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 1 สูบ เช่นเดียวกับรุ่นดูอัลเพอร์โพส KLX230 ส่วนขนาดยางหน้าอยู่ที่ 110/70-17M/C 54P เเละขนาดยางหลังอยู่ที่ 120/70-17M/C 58P หน้าจอเเสดงผลขนาดเล็กเเบบดิจิตอล โดยมีโคมไฟหน้าเป็นเเบบ LED รุ่นใหม่ ขนาดกระทัดรัด ที่ถูกนำมาแทนที่ไฟหลอดเเบบเดิมๆ พร้อมด้วยชุดไฟหน้าใหม่ที่เพรียวขึ้น จึงให้ลุคที่โฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม สอดรับกับหน้ากากครอบไฟหน้าดีไซน์ใหม่ขนาดกระทัดรัดกว่าเดิมรวมถึงบังโคลนหน้าใหม่ พร้อมแฮนด์กันกระเเทกเเละกระจกมองหลังก้านยาวที่สวยงาม โดยที่ตัวถังของรถนั้นมีด้วยกัน 2 สีให้เลือก ทั้งสี EBONY (SE) (NON ABS) (2023) เเละสี EBONY (SE) (ABS) (2023)

โดยทางด้านราคาขายของ Kawasaki KLX230SM (2023)  นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 156,600 บาท สำหรับรุ่นที่มีตัวถังสี EBONY (SE) (NON ABS) (2023) เเละราคา 165,600 บาท สำหรับรุ่นที่มีตัวถังสี EBONY (SE) (ABS) (2023)
#10

Ducati Streetfighter V4 S นับว่าเป็นรถจักรยานยนต์ในตระกูล Streetfighter ของดูคาติอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจทั้งในเรื่องของสมรรถนะเเละรูปลักษณ์ของตัวรถ

Ducati Streetfighter V4 S นั้นมีโครงสร้างตัวรถที่อีกรุ่น โดยตัวรถมีขนาดน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 178 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 199 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 845 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,488 มิลลิเมตร ส่วนมุม Rake อยู่ที่ 24.5 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 100 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เบาะนั่งเป็นเเบบดับเบิ้ลซีท

Ducati Streetfighter V4 S นั้นมีสมรรถนะที่ดุดัน โดยมันพกพาเครื่องยนต์เเบบ Desmosedici Stradale 90° V4, rearward-rotating crankshaft, 4 Desmodromically actuated valves per cylinder, liquid cooled มีขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1,103 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 81 x 53.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 14.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 208 เเรงม้าที่ 12,750 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 123 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system. Twin injectors per cylinder. Full ride-by-wire elliptical throttle bodies  ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ 4-2-1-2 system, with 2 catalytic converters and 2 lambda probe มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed with Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.80:1 มีอัตราที่ 1=38/14 2=36/17 3=33/19 4=32/21 5=30/22 6=30/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain; Front sprocket 15; Rear sprocket 42 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch ถือว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงอีกรุ่น

ส่วนเฟรมของ Ducati Streetfighter V4 S นั้นได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดีในเเบบ Aluminum alloy "Front Frame" ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็น Ø 43 mm Öhlins NIX30 event-based fork ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Öhlins TTX36 event-based shock ในส่วนของระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Monobloc Stylema® (M4.30) 4-piston callipers with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนเบรกหลังจะเป็น245 mm disc, 2-piston calliper with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนล้อหน้าเเละล้อหลังจะเป็นเเบบ Marchesini Aluminum forged โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa 2 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa 2 200/60 ZR17 โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ minimalist full-LED headlight พร้อมกับมี LED Daytime ไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียคู่ดูดุดันอย่างมาก หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีมาให้เลือกเเค่สีเดียว คือสีเเดง Ducati Red ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของดูคาติ

ส่วนทางด้านราคาขายของ Ducati Streetfighter V4 S นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 1,094,000 บาท ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ